GISTDA องค์กรด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศไทย จับมือ สมาคมการค้าการลงทุนและส่งเสริมวัฒนธรรมไทย–จีน และผู้นำด้านการออกแบบและพัฒนาดาวเทียมของจีน เดินหน้าพัฒนาดาวเทียมใหม่แกะกล่อง 3 ดวง เอื้อข้อมูล 4 ระบบ ทั้งระบบตรวจสิ่งแวดล้อม ตรวจเกษตร บริหารทรัพยากร และเตือนภัยพิบัติ ยันประโยชน์ระยะยาวทั้งต่อภาคประชาชน เกษตร อุตสาหกรรม และภาครัฐ
นาวาโท ดร.ภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมการค้าการลงทุนและส่งเสริมวัฒนธรรมไทย–จีน ในฐานะ เจ้าของและผู้ผลักดันโครงการดาวเทียมความสัมพันธ์ ไทย–จีน เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (สทอภ.) สมาคมการค้าการลงทุนและส่งเสริมวัฒนธรรมไทย–จีน และ Tianxieli (Shandong) Satellite Technology Co., Ltd. จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการดำเนินโครงการพัฒนา และส่งดาวเทียมรีโมตเซนซิงตรวจคาร์บอนแบบ ไฮเปอร์สเปกตรัม จำนวน 3 ดวง ขึ้นสู่วงโคจร เพื่อยกระดับข้อมูลสิ่งแวดล้อมของไทยด้วยดาวเทียมเทคโนโลยีสูง
นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของไทยในการติดตามก๊าซเรือนกระจก เช่น CO₂ และ CH₄ ในระดับ “ความละเอียดสูงมาก” รวมถึงการประยุกต์ใช้ในหลายภาคส่วน ได้แก่ วิเคราะห์ฝุ่นและคุณภาพอากาศ ประเมินผลผลิตพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ–ป่าไม้ผ่านการวิเคราะห์แบบไทม์ซีรีส์ ระบบตรวจจับและติดตามภัยพิบัติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว โดยดาวเทียมแต่ละดวงมีน้ำหนักเพียง 70–75 กก. แต่ให้สมรรถนะเทียบเท่าดาวเทียมขนาดกลาง สามารถส่งข้อมูลลงภาคพื้นด้วยความเร็วกว่า 300 Mbps และตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของก๊าซเรือนกระจกได้ละเอียดระดับ 0.2–0.3 นาโนเมตร
ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าว ได้เริ่มต้นพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ โดยในช่วงปลายปี 2567 ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกันที่กรุงเทพฯ และต้นปี 2568 ก็ได้ร่วมลงนาม LOI และสัญญาพัฒนา ณ นครเซี่ยงไฮ้ สำหรับโครงการฯ มีการพัฒนาเรื่อยมาอย่างเป็นขั้นตอน กระทั่งขั้นเตรียมการและการออกแบบเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้จึงถือว่าอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการอย่างเป็นทางการ ให้เข้าสู่กระบวนการผลิต และทดสอบระบบอย่างเป็นทางการ
สำหรับโครงการนี้ถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล” ชุดใหม่ของไทย ที่จะสร้างประโยชน์ในระยะยาวทั้งต่อประชาชน ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐ มีการพัฒนาต้นแบบระบบประยุกต์ข้อมูล 4 ระบบ ทั้งระบบตรวจสิ่งแวดล้อม ระบบตรวจเกษตร ระบบบริหารทรัพยากร และระบบเตือนภัยพิบัติ ทำให้ไทยสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยข้อมูลเรียลไทม์ ลดการพึ่งพาภาพถ่ายดาวเทียมจากต่างประเทศ เสริมความมั่นคงด้านอาหารผ่านการคาดการณ์ผลผลิต ยกระดับความพร้อมด้านภัยพิบัติ รวมถึงสร้างบุคลากรไทยด้านอวกาศและรีโมตเซนซิงรุ่นใหม่

